วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของวิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา

ประวัติวิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา
           
            วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมาเดิมเป็นโรงเรียนเรียกว่า 'โรงเรียนประถมช่างไม้' โรงเรียนนี้เป็นแผนกหนึ่งของโรงเรียนประชาบาล ตำบลในเมือง 'วัดสระแก้ว' รับนักเรียนที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เพื่อเรียนต่อในชั้นประถมศึกษาปัที่ 6 วิชาที่เรียนมีวิชาช่างไม้และสามัญ เมื่อแรกตั้งโรงเรียนนี้ดำนงอยู่ด้วยเงินประถมศึกษา เมื่อนักเรียนสอบไล่ได้ปีที่ 6 แล้วนับว่าเรียนจบชั้นประถมบริบูรณ์
             วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา ปัจจุบันมีเนื้อที่รวม 42 ไร่ 1 งาน 96 ตารางวา ตั้งอยู่เลขที่ 508 ถนนสุรนารี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 30000 โทร 044-242002 โทรสาร 044-254950 หรือ www.ntc.ac.th



สัญลักษณ์วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา
             เป็นรูปเสมาธรรมจักร ประกอบด้วย ทุ ส นิ ม
                  ทุ  หมายถึง ทุกข์
                  ส  หมายถึง  สมุทัย
                  นิ  หมายถึง  นิโรธ
                  ม  หมายถึง  มรรค
             อยู่ภายในวงกลม วงในล้อมรอบด้วยวงกลมนอกระหว่างวงกลมด้านบนมีคำว่า 'วิทยาลัยเทคนิค' ด้านล่างมีคำว่า 'นครราชสีมา'  ดาวน์โหลดสัญลักษณ์



สีประจำวิทยาลัย
             นำเงิน - ขาว



วัตถุประสงค์ วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา
             เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนในสายวิชาชีพ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชาช่างอุตสาหกรรมและสาขาวิชาพณิชยการ ให้มีมาตรฐานวิชาชีพ มีคุณธรรมและจริยธรรม จัดฝึกอบรมวิชาชีพหลักสูตรระยะสั้นและหลักศุตรพิเศษ ให้บริการชุมชนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนต่าง ๆ สืบสานศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นและส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม



หลักสูตรที่เปิดสอน
       1. หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
       2. หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)



ประเภทวิชาที่เปิดสอน
       วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมาได้จัดการศึกษาวิชาชีพภาคปกติ และการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีและการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ ดังนี้
       1. หลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 6 สาขาวิชา
           รับนักเรียนจากผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่า เข้าศึกษาต่อหลักสูตร 3 ปี ดังนี้
           1. สาขาวิชาเครื่องกล
               -  สาขางานยานยนต์
           2. สาขาวิชาเครื่องมือกลและซ่อมบำรุง
               - สาขางานเครื่องมือกล
               - สาขางานเขียนเครื่องกล
           3. สาขาวิชาโลหะการ
               - สาขางานเชื่อมโลหะ
           4. สาขาวิชางานไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์
               - สาขางานไฟฟ้ากำลัง
               - สาขาอิเล็กทรอนิกส์
               - สาขางานแมคคาทรอนิกส์
           5. สาขาวิชาก่อสร้าง
               - สาขางานก่อสร้าง
               - สาขางานสถาปัตยกรรม
           6. สาขาวิชาพณิชยการ
               - สาขางานการบัญชี
               - สาขางานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ

       2. หลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 11 สาขาวิชา
            รับนักเรียนจากผู้สำเร็จการศึกษาระดับ ปวช. , มัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า เข้าศึกษาระยะเวลา 2 ปี ดังนี้
           1. สาขาวิชาเครื่องกล
               - สาขางานเทคนิคยานยนต์
               - สาขางานเทคโนโลยีการบริการรถยนต์
           2. สาขาวิชาเทคนิคการผลิต
               - สาขางานเครื่องมือกล
               - สาขางานแม่พิมพ์พลาสติก
               - สาขางานแม่พิมพ์โลหะ
           3. สาขาวิชาเทคนิคโลหะ
               - สาขางานเทคนิคการเชื่อมโลหะ
           4. สาขาวิชาไฟฟ้ากำลัง
               - สาขางานติดตั้งไฟฟ้า
               - สาขางานเครื่องกลไฟฟ้า
               - สาขางบานเครื่องทำความเย็นและปรับอากาศ
           5. สาขาวิชาอิเล็กทรอนิกส์
               - สาขางานอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรม
               - สาขางานเทคนิคคอมพิวเตอร์
               - สาขางานระบบโทรคมนาคม
           6. สาขาวิชาแมคคาทรอนิกส์
               - สาขาแมคคาทรอนิกส์
           7. สาขาเทคนิคอุตสาหกรรม
               - สาขางานอุตสาหกรรมการผลิต
           8. สาขาวิชาเขียนแบบเครื่องกล
               - สาขางานออกแบบและเขียนแบบการผลิต
           9. สาขาวิชาการก่อสร้าง
               - สาขางานเทคนิคก่อสร้าง
        10.สาขาวิชาโยธา        
               - สาขางานโยธา
        11.สาขาวิชาการบัญชี
               - สาขางานการบัญชี

               - สาขางานคอมพิวเตอร์



เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือที่รู้จักในชื่อว่า IT มาจากคำสองคำรวมกัน ดังนี้

เทคโนโลยี (Technology) 
             หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของสิ่งต่างๆ และหาทางนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีจึงเป็นคำที่มีความหมายกว้าง

สารสนเทศ (Information) 
             หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผล และเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ มนุษย์แต่ละคนตั้งแต่เกิดมาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เป็นจำนวนมาก เช่น เรียนรู้สภาพสังคมความเป็นอยู่ กฎเกณฑ์และวิชาการ เป็นต้น ลองจินตนาการดูว่าภายในสมองของเราเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เราคงตอบไม่ได้ แต่สามารถเรียกเอาข้อมูลมาใช้ได้ ข้อมูลที่เก็บไว้ในสมอง เป็นสิ่งที่สะสมกันมาเป็นเวลานาน ความรอบรู้ของแต่ละคนจึงขึ้นอยู่กับการเรียกใช้ข้อมูลนั้น ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่าความรู้เกิดจากข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทุกวันนี้มีข้อมูลอยู่รอบตัวเรามาก ข้อมูลเหล่านี้มาจากสื่อ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่การสื่อสารระหว่างบุคคล จึงมีผู้กล่าวว่ายุคนี้เป็นยุคของสารสนเทศ

             ดังนั้นจึงอาจสรุปได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้จัดการ สารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวม การจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศยังรวมถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูลด้วย



ฐานข้อมูล
             คือ กลุ่มการจัดการข้อมูลสำหรับผู้ใช้หนึ่งคนหรือหลายๆ คน โดยทั่วไปมักอยู่ในรูปแบบดิจิทัล
ซึ่งวิธีการแบ่งชนิดของฐานข้อมูลได้รูปแบบหนึ่งคือแบ่งตามชนิดของเนื้อหา เช่น บรรณานุกรม, เอกสารตัวอักษร, สถิติ โดยฐานข้อมูลดิจิทัลจะถูกจัดการโดยใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลซึ่งเก็บเนื้อหาฐานข้อมูล โดยอนุญาตให้สร้าง, ดูแลรักษา, ค้นหา และการเข้าถึงในรูปแบบอื่นๆ



e-learning(electronic learning) 
             หรือบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ โดยกำหนดแต่ละหลักสูตร หรือเนื้อหาการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนได้เข้าถึงการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น มีทั้งระบบการเรียนแบบทางไกลสำหรับนักเรียนที่สมัครเรียนออนไลน์ และสำหรับนักเรียนที่ไม่สามารถเข้าร่วมเรียนในห้องเรียนได้ ซึ่งในปัจจุบันสถานการศึกษาหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับมหาวิทยาลัย นิยมใช้การเรียนการสอนแบบ e-learning มากขึ้น



วัตถุประสงค์ในการใช้ e-learning
           1. เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียน ผู้สอน รวมทั้งผู้ที่สนใจ สามารถเข้าถึงข้อมูลเนื้อหาการเรียนการสอนได้ง่าย อีกทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ไม่จำกัดเวลา และสถานที่
           2. เพื่อเป็นการตอบสนองผู้เรียน ผู้สอนที่ไม่พร้อมทางด้านเวลา และการเดินทางมาเรียนที่สถานศึกษา
           3. เพื่อเป็นการเอื้ออำนวยสำหรับผู้เรียนที่ไม่มีความมั่นใจในการตอบคำถามในห้องเรียน เนื่องจากไม่ต้องการแสดงตนต่อหน้าผู้สอนหรือเพื่อนร่วมชั้น
           4. เพื่อเป็นการจัดการเรียนรู้ที่ทดแทนการเรียนในห้องเรียน
           5. เพื่อที่ผู้เรียนสามารถทบทวนเนื้อหา หรือเรียนรู้ด้วยตนเอง แม้จะไม่ได้เรียนในห้องเรียน



วิธีการดำเนินการ
           1. ปรึกษาและขอคำแนะนำจากผู้บริหารสถานศึกษา
           2.ประชุมกลุ่มหัวหน้างานประจำแผนกวิชาต่างๆ และฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
           3.สำรวจ และสอบถามข้อมูล
           4.แบ่งงานและค้นหาข้อมูลเนื้อหาที่จัดทำ e-learning
           5.ติดต่อองค์กรภายนอก เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกฝ่าย
           6.ประชุมวางแผนปฏิบัติงานเบื้องต้น
           7.ลงมือปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้
           8.ประเมิณผลการปฏิบัติงาน



สรุปผล
จากข้อมูลแบบสอบถามพบว่า
           1. กิจกรรมที่กำหนดไว้ในบทเรียน ตรงตามจุดประสงค์ของผู้เรียน
           2. เนื้อหาของบทเรียนสามารถตอบสนองการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียนได้
           3. การทดสอบในบทเรียน มีการแจ้งผลทำให้ผู้เรียนทราบ เพื่อที่จะนำไปพัฒนาตนเองได้
           4.เนื้อหาการเรียนการสอนมีความแปลกใหม่ กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้

ข้อควรปรับปรุง
           1. มีข้อจำกัดในเรื่องของการเข้าถึงระบบเครือข่าย เนื่องจากว่าหากมีการเข้าถึงข้อมูลเป็นจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ทำให้ระบบเครือข่ายล่ม
           2. ผู้เรียนจำนวนหนึ่ง ไม่พร้อมทางด้านอุปกรณ์ การเข้าถึงเครือข่ายออนไลน์
           3. เนื้อหาของบทเรียนไม่มีการปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน



จัดทำโดย
           1. นายคมราช       งาคม               57410003
           2. นางสาวรชญา  อำนาจอารีย์     57410017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น